ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าเยี่ยมชมงาน Thailand Friendly Design Expo 2022 : มหกรรมอารยสถาปัตย์ และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 5 ณ ฮอลล์ 101 ไบเทค-บางนา เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 ภายหลังเดินเยี่ยมชมบูธสินค้าและจัดแสดงนวัตกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆมากมายแล้ว ดร.ชัชชาติ ได้ขึ้นเวทีพูดคุยเรื่องมุมมองอารยสถาปัตย์กับการพัฒนาเมือง ว่า
"หัวใจหลักคือเมืองต้องดีสำหรับทุกคนไม่ใช่ดีสำหรับแค่บางคน ถ้าเกิดพวกเราไปได้ทุกคนถือเป็นเรื่องที่ดี วันนี้ดีใจที่เห็นนวัตกรรมการนำสิ่งใหม่ๆของคนไทยมาเยอะมาก จุดต่อไปอยากให้พัฒนาเป็นจุดแข็งของประเทศไทยให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ในอนาคตเราจะเห็นคนทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นเพราะเราพร้อมที่จะดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ผมเห็นความก้าวหน้าเยอะขึ้นมาก ผมเห็นน้องๆที่บูธธรรมศาสตร์ รถเข็นที่ทำในเมืองไทยผมเห็นว่าอันคือช่วยคนไทยที่จะช่วยพวกเราทุกคนให้ไปด้วยกันได้หลายสิ่งหลายอย่างเราสามารถทำในประเทศได้เพื่อให้คนตระหนักรู้ ผมเชื่อว่าเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ มีพี่ฑูตอารยสถาปัตย์ถามผมว่าเมื่อไหร่ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงได้ให้คนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระเสรี ผมว่าจริงๆแล้วเพราะจุดเริ่มต้นทำตั้งแต่เริ่มต้น อย่าไปหวังภาครัฐมาก รัฐเป็นแค่ตัวประกอบแต่ภาคเอกชนมีพลัง ในส่วนภาครัฐแค่ทำทางเดิน ทางเท้า ทางเชื่อมต่อให้ดีเท่านั้น ผมว่า5ปีเปลี่ยนได้ เช่นฟุตบาทจะทำตรงไหนก่อนต้องถามพวกเราคนใช้จริงก่อน
ประเทศไทย คนใช้ไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้ใช้ เราต้องมาถามมาคุยกันเริ่มทำตั้งแต่ต้นดีกว่าไปแก้ทีหลัง แต่ไม่เป็นไรครับสิ่งที่สร้างมาผ่านไปแล้วผ่านไป ไล่แก้ปรับปรุงกันไป แต่ของใหม่ที่กำลังจะสร้างใหม่ต้องทำให้ดี ทำให้ถูกตั้งแต่เริ่มต้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถูกต้องสามารถใช้งานได้จริง จะได้ไม่ต้องมีการลงทุนเยอะ ทำตั้งแต่แรกให้ครบจบ
สิ่งนี้เป็นการรับฟังการกระจายอำนาจรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงไม่ใช่ฟังเป็นพิธีกรรมอย่างนั้นไม่ใช่ ต้องฟังอย่างแท้จริงเรื่องไหนที่เกี่ยวกับพวกเราก็ต้องมาฟังจากพวกเราผู้ใช้งานจริงๆ
จากที่อยู่กรุงเทพมหานครมา ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำฟุตบาท ผมว่าทำได้ขึ้นอยู่กับความคิด หัวใจกรุงเทพมันขึ้นอยู่กับเส้นเลือดฝอยหน้าบ้านครับ ตั้งแต่ฟุตบาทหน้าบ้าน ผมคิดว่าไม่ได้ใช้เงินเยอะมากมาย แค่อาศัยถึงความใส่ใจ นโยบายเป็นเรื่องสำคัญถ้ามัวแต่ไปทำโครงการใหญ่สุดท้ายพวกเราเข้าบ้านไม่ได้ เป็นแนวคิดอยู่ที่ว่าเรามีความมุ่งมั่นแค่ไหนทำได้อยู่แล้ว
ประเทศเราขับเคลื่อนไปด้วยการด่า ถึงจะมีการขับเคลื่อน มันต้องขับเคลื่อนด้วยจิตสำนึกและลงมือทำมากกว่า ถ้าเราทำตามกันในแบบที่ถูกต้อง ทุกที่ทุกเส้นทางมันก็จะไปถึง Universal Design หรืออารยสถาปัตย์ ภาคเอกชนสำคัญที่สุด เพราะว่า GDP ของประเทศ 80 % มาจากภาคเอกชน อีก 20 % มาจากภาครัฐ อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า แม้กระทั่งไบเทค เอกชนก็เป็นผู้สร้าง ขับเคลื่อนง่ายกว่าภาครัฐ ถ้าหากเขามี นโยบายมา มี CSR เขาสามารถทำทันที
ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ผู้บริหารต้องร่วมมือกันให้ความใส่ใจให้ความสำคัญในเรื่องอารยถสถาปัตย์ อย่างที่บอกครับคงไม่มีอัศวินม้าขาวแค่เพียงคนเดียว ทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันแจ้งมา ช่วยกันผลักดันทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกัน ทั้งส่วนราชการ เอกชน ประชาชน วิชาการ ต้องเป็นเกลียวที่ฟั่นเป็นเชือกเกลียวเส้นเดียวกัน ถ้าให้รัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้วิชาการแต่ไม่มีพลังก็ไม่ได้ประชาชน คือ ผู้ใช้ เกลียวทุกเส้นต้องมาเป็นเชือกเส้นเดียวกัน ขอบคุณครับ"
Comments